คุณแสวง ตันติราพันธ์ เอา Windows 1.0 มาให้ผมลองเล่น ทันทีที่ผมเล่น สิ่งแรกที่ผมบอกคุณแสวงคือ “มันห่วยครับ” ตอนนั้นใครที่เล่น Windows 1.0 จะมีความคิดเดียวกันนี้ทุกคน แต่คุณแสวงได้เปลี่ยนความคิดผม
คุณแสวงนั่งเล่าให้ผมฟังเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มอเมริกันหลายคนในยุคนั้น ทั้งเรื่องราวของ Bill Gates, Steve Jobs, The Woz และใครๆอีกหลายคน เรื่องราวพวกนั้นทำให้ผมมอง Windows 1.0 อีกแบบ มันกลายเป็นสิ่งสุดยอดที่อยากรู้อยากเรียน
ก่อนหน้าที่จะฟังเรื่องพวกนี้ ผมคิดถึง Macintosh ว่าเป็นเพียงเครื่องราคาแพงที่ไม่มีประโยชน์อะไร ผมแฮ๊กการ์ดภาษาไทยก็มีเงินใช้แล้ว ไม่เคยมองไกลไปกว่าสิ่งที่ทำได้และเคยทำ แต่พอเปิดใจ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ผมเริ่มแฮ็ก Windows 1.0 เรียนรู้การใช้ DDK (Device Development Kit) และทำภาษาไทยสำเร็จด้วยการเขียน display driver ใหม่ทั้งตัว แต่ไม่ได้ออกตลาด เพราะยังแฮ็กให้ app วิ่งไทยได้ไม่ดี
รอจน Windows 2.0 ออก เห็น Microsoft Write (Word processor ที่มากับ Windows) มี feature ไม่มากนัก เลยเขียนเลียนแบบทั้งตัว ทำโปรแกรม “tofWrite” ออกมา tof คือ Three-One-Five หรือ 315 ซึ่งเป็นชื่อบริษัท มาจากเลขที่ 315 ถนนสีลม ที่ตั้งแรกของบริษัท ซึ่งเป็นเครือของอาคเนย์ประกันภัย
โปรแกรม tofWrite เป็น WYSIWYG word processor ภาษาไทยตัวแรกของ IBM PC ตั้งราคาที่ 15,000 บาท (30 กว่าปีที่แล้ว) ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (ผมยังเรียนแพทย์ปีที่ 6 อยู่)
จากนั้นก็คิดการณ์ใหญ่ Aldus PageMaker ออกมา ไม่คิดอะไรมาก clone มันทั้งตัว ออกมาเป็น tofOrchid ออร์คิดแปลว่ากล้วยไม้ เป็นชื่อภาษาจีนของภรรยาผม (ตอนนั้นเป็นแฟนกัน เรียนแพทย์ปีเดียวกัน) เป็น Desktop Publishing ภาษาไทยตัวแรกใน PC ตั้งราคา 35,000 และเป็น tails wagging dogs คือทำให้ Laser Printer ฝั่ง PC ขายได้ ในราคาที่ถูกกว่า Macintosh มาก
315 เป็นบริษัทเล็กมากมีคนแค่ 5 คน ผมเป็นโปรแกรมเมอร์คนเดียว วัย 20 กว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะค้นพบศักยภาพของตัวเอง แต่หากไม่ได้รับการชี้แนะที่ดี ผมเชื่อว่ายากที่จะออกจากข้อจำกัดของตัวเรา
จากนั้น Windows 3.0 ออกมา วิชาแก่กล้าขึ้น ทำ procedure hook ได้ ก็เลยสามารถทำภาษาไทยให้โปรแกรมต่างๆใช้ไทยได้ก็ออกมาเป็น ThaiWin 1.0 ตั้งราคา 15,000 มีรุ่นโปรที่วิ่ง Page Maker ได้ขาย 35,000
บริษัทไปได้ด้วยดี ขาย ThaiWin ได้มาก แล้ววันหนึ่งโลกก็ถล่ม Microsoft มาคุยด้วย บอกว่าจะซื้อ ThaiWin ไปขายคู่กับ Windows ขอตัวอย่างโปรแกรมไปดู ก็ให้ไป
แล้วก็กลับมาเจรจา บอกว่า ไมโครซอฟต์ขอซื้อในราคาชุดละ 5 เหรียญ บอกว่าไมโครซอฟต์จะ “Technology Transfer” ให้ด้วย ผมถามพี่พอล (อาภรณ์ ศรีพิพัฒน์) ว่า “Transfer อะไรครับ” พี่ไม่ได้ตอบ
ตอนนั้นพี่แสวงมานั่งคุยว่าเอาไงดี ขาย 5 เหรียญไป เจ๊งแน่ๆ ไม่ขายก็เจ๊งแน่ๆ เพราะไมโครซอฟต์ต้องทำเองแน่นอน
ผมตัดสินใจบอกพี่ว่า “สู้ครับ ยังไงก็เจ๊ง พีว่าไง” พี่แสวงก็โอเคตามนั้น
Windows 3.1 ออกมาพร้อมกับภาษาไทยตามที่คาด แต่ ThaiWin 3.1 ยังคงขายดี 315 ยังคงรอดต่อไป แต่ก็รู้ดีว่าไมโครซอฟต์ต้องอัพเกรดแน่
ก็เป็นไปตามคาดหลังจากไมโครซอฟต์อัพเดทหลายครั้ง ThaiWin ก็ถึงจุดจบยอดขายหายไป ไม่มีใครต้องใช้ระบบภาษาไทยสำหรับ Windows ที่มีไทยอีกแล้ว
315 ก็ถึงจุดที่ต้องปิด วันที่ปิดบริษัท ผมนั่งรถไปกับพี่แสวง เอารถบริษัทซึ่งเป็น asset สุดท้ายของบริษัทไปขายที่เต้นท์เพื่อปิดบริษัท นั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยกัน (เวลาไป กทม ผมจะไปอาศัยนอนที่บ้านพี่แสวง) ระหว่างทางเราไม่ได้พูดกันซักคำ ในใจต่างหนักอึ้งด้วยความคิดหลากหลาย
พอไปถึงบ้าน พี่ถามว่าเอาไงต่อ … ผมตอบได้แค่ “ไม่รู้ครับ” จากนั้นเราก็อำลาจากกัน เป็นอันจบตำนาน 315
แต่เรื่องผมกับพี่แสวงยังไม่จบ หลายปีจากนั้นพี่แสวงก็มาช่วยระดมทุนตอนที่ผมตั้ง PinnShop จนสำเร็จ
ผมไม่เคยโกรธเคืองอะไรไมโครซอฟต์เลย พี่แสวงอธิบายผมจนเข้าใจว่ามันคือวิถีของธุรกิจ
ผมมาเจอพี่พอล (อาภรณ์) อีกครั้งในอีก 20 ปีต่อมา เพราะไปเป็นกรรมการ SIPA ชุดแรกด้วยกัน ผมยังหัวเราะถามพี่เค้าว่า “พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าตกลง Transfer Technology อะไร?” บทสนทนาจบที่เราต่างหัวเราะออกมาแล้วกินกาแฟต่อ จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้คำตอบ