ตอนที่ IBM ซื้อ PC-DOS จากไมโครซอฟต์นั้น IBM ซื้อในราคา 80,000 เหรียญจ่ายครั้งเดียว โดยให้สิทธิ์ไมโครซอฟต์ขาย MS-DOS ให้บริษัทอื่นได้
Gates อธิบายในภายหลังว่าเค้าเชื่อว่า จากประวัติศาสตร์ของตลาดเมนเฟรม ในอนาคตมีเครื่องเลียนแบบแน่ ในขณะที่มุมมองของ IBM ตอนนั้นคือตนเองขาย IBM PC เจ้าเดียว และในตลาดเมนเฟรมก็ไม่มีใครเทียบ IBM ได้ เพราะออกเครื่องใหม่ตลอดเวลา ไม่มีใครตามทัน
แต่โลก PC ไม่เหมือนกัน เมื่อเครื่องไต้หวันออกมา IBM ก็ถือดีว่ามี BIOS ที่เป็น proprietary อยู่ ทุกเจ้าต้องซื้อ BIOS จาก IBM ยังไงก็ยังคุมตลาดอยู่
Phoenix เป็นบริษัทที่มาดับฝัน IBM ด้วยการ reverse engineer IBM BIOS และขายให้ทุกเจ้า ทำให้การประกอบเครื่อง IBM PC compatible นั้นง่ายมากใครๆก็ทำได้
IBM มีแนวคิดเดียวที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตลาด คือการออกรุ่นใหม่ ออก PC/AT ที่ใช้ 80286 ออกมา แต่ก็คุม Intel ไม่ได้ Intel ขาย 80286 ให้ทุกเจ้า และก็เกิด AT Clone ขึ้น
Intel ขายชิพ และ Microsoft ขาย MS-DOS กอดคอกันรวย ในขณะที่ IBM มองตาปริบๆ
IBM รู้ดีว่า DOS ยังมีจุดอ่อน เนื่องจากเป็น Operating System ที่ไม่สมบูรณ์ เกิดขึ้นจากการพัฒนาที่รีบเร่ง (เล่าไปแล้วในตอน DOS) ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาน้อยมาก มีเพียงระบบ file system ที่ support Hard Disk ใน IBM PC/AT เท่านั้นที่ทำเพิ่ม
IBM ตัดสินใจทำ Operating System ใหม่มาสู้ ตั้งชื่อว่า OS/2 ชื่อมาจากในตอนนั้น IBM มีเมนเฟรมเครื่องใหม่คือ System/360 ซึ่งใช้ OS ชื่อ OS/360 จึงตั้งชื่อให้เป็นชุดเดียวกัน
และ IBM ต้องการเครื่องใหม่ที่เลียนแบบยาก เพื่อให้เหมือนตลาดเมนเฟรม มันต้องไม่ใช่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ธรรมดา ต้องเป็น ระบบส่วนบุคคล (Personal System) ดังนั้นจึงตั้งชื่อเครื่องให้เข้ากันว่า (PS/2)
ตั้งชื่อน่ะง่าย แต่ทำสิยาก ทำเองคงใช้เวลานาน มีตังค์นี่หว่า จ้างเอาสิ
ระบบใหม่นี้ตั้งเป้าแก้ข้อผิดพลาดทั้งหมด IBM จะออกแบบ จ้างไมโครซอฟต์เขียน แล้วก็ให้สิทธิ์ IBM เจ้าเดียว ห้ามขายเจ้าอื่น สถานะการณ์ของไมโครซอฟต์ตอนนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กำลังถูกจ้างทำผลิตภัณฑ์ที่รู้ดีว่ากำลังจะมาฆ่าผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
สตีฟ บาลเมอร์ เล่าถึงเรื่องนี้ว่า มันเป็นสถานะการณ์ “ขี่หลังเสือ” (ฝรั่งใช้ขี่หลังหมี – Riding the Bear) เมื่อขี่หลังหมีแล้ว ต้องเกาะให้ดี อยู่กับหมีเข้าไว้ ตกหลังหมีเมื่อไร ถูกแดรกเมื่อนั้น
IBM ตอนนั้นคือ หมีที่กำลังอารมณ์เสียสุดๆ ไอ้ตัวเล็กตัวน้อยมาขโมยส่วนแบ่งตลาด PC ไปทุกวัน
Intel ออกชิพใหม่ 80386 ซึ่งดีกว่า 80286 มาก คุณสมบัติที่ดีมากข้อหนึ่งคือ มันรัน virtual 8086 ได้ ทำให้สามารถรัน virual machine ของ DOS ได้ คุณสมบัตินี้เป็นสิ่งที่ IBM กังวล
การที่มี virtualization ใน PC มันฆ่าเมนเฟรมชัดๆ ดังนั้นฝ่ายเมนเฟรมจึงกดดันให้ OS/2 รันในโหมด 80286 เท่านั้น สามารถรัน DOS ได้เพียง instance เดียวเท่านั้น เรียกว่า “Compatibility Box” ซึ่ง IBM เชื่อว่าจะเป็นการบีบให้ผู้ใช้ ใช้งาน OS/2 แบบ native เท่านั้น เพราะได้ความเร็วที่เหนือกว่า
แต่ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้น ในปี 1985 เกิดเครื่องใหม่ๆขึ้น ทั้ง Macintosh, Amiga และ Atari ST ซึ่งราคาถูกและรัน GUI ได้ดีกว่า DOS ทั้งนั้น
ไมโครซอฟต์ไม่มีทางเลือก ต้องรีบทำ Windows 1.0 ทั้งๆที่นั่งหลังหมีอยู่ด้วย
IBM ทำได้ยากเพราะต้องอยู่กับ 80286 เท่านั้น ไม่ยอมขึ้น 80386 และการออกแบบ OS ของ IBM ก็ยังติดอยู่กับสิ่งเก่าๆ ไม่ได้มอง GUI ว่าเป็นสิ่งสำคัญ
ข้อผิดพลาดอีกอย่างของ IBM คือจ้างงานไมโครซอฟต์แบบโดยคิดค่าจ้างแบบ “kLOCs” คือนับบรรทัด source code แล้วจ่ายเงิน เสร็จสิครับ เขียนสั้นๆก็ได้ ก็เขียนให้ยาวสิครับ ได้เงินเยอะขึ้น
OS/2 1.0 ออกมาปลายปี 1987 ตั้งราคามหาโหด 325 เหรียญ ไม่มี GUI และกิน RAM มหาศาล ในเวลานั้น RAM เป็นสิ่งที่มีราคาแพงมาก และที่หนักคือ ในขณะนั้น Windows 2.0 ออกมาแล้ว
เครื่อง PS/2 ก็ใช้ Micro Channel Architecture (MCA), Disk ขนาด 3.5 นิ้ว คีย์บอร์ดกับเม้าส์ก็ใช้ connector ใหม่ อะไรๆ ก็ใช้กับเครื่องเก่าไม่ได้
IBM สมหวังตรงที่ไม่มีใครเลียนแบบ PS/2 และ OS/2 ก็ไม่ขายให้ใครนอกจาก IBM จากนั้นจุดจบก็ค่อยๆมาถึง
ปี 1989 ไมโครซอฟต์ออก Windows 3.0 ใช้ 80386 เต็มที่ มี virtual DOS และสวยงาม Bill Gates ปากหวาน ไปประจบ IBM หมีใหญ่ให้ช่วยทำตลาดให้ บอกว่าอยากทำแบบเดิม คือ IBM ซื้อไปขาย แต่ไมโครซอฟต์ขายเองด้วย หมีโกรธหนัก ไอ้นี่มันทรยศชัดๆ ออกหนังสือเวียนภายใน IBM จะไม่ออกโปรแกรมใดๆเพื่อรันใน Windows อีก คิดเลิกคบกับไมโครซอฟต์
ปัญหาหนักคือยังมีสัญญาจ้างทำ OS/2 ค้างคาอยู่ ทำให้ IBM จำยอมต้องแยก OS/2 เป็นสองส่วน (เหมือนหย่าแล้วแบ่งสมบัติกัน)
IBM ทำ OS/2 2.0 ส่วน Microsoft ทำ OS/2 NT
OS/2 2.0 ออกมาในปี 1992 ตามมาด้วย OS/2 3.0 ที่เรียกว่า OS/2 Warp ในปี 1994
ปี 1995 ไมโครซอฟต์ออก Windows 95 ออกมา เป็นชัยชนะเด็ดขาดต่อ OS/2 และไมโครซอฟต์ดึงเอา Dave Cutler มาทำ OS/2 NT ต่อ โดยทำใหม่หมด และกลายเป็น Windows NT…